สะเทือนวงการซินแส กรณี ”อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง ถูกเศรษฐีแม่ลูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง หลอกลวงให้ซื้อวัตถุมงคลหลายรายการ รวมมูลค่า 60 ล้านบาท และล่าสุดผู้เสียหายอีก 25 คน เข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายรวม 80 ล้าน
เรื่องนี้ทำให้ ”อ.มาศ เคหาสน์ธรรม” ประธานสถาบันค้นคว้าวิชาการฮวงจุ้ยแห่งประเทศไทย ต้องมาอธิบายว่า การจัดฮวงจุ้ยที่ถูกต้องนั้น ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ไสยศาสตร์ หรือ บรรดาพวกสัตว์มงคลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสิงโต มังกร ผีเซียะ ปลา ช้าง เจ้าที่ ตี่จู้เอี๊ยะ ศาลพระภูมิ หรือรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ แต่ซินแสส่วนใหญ่มักเอาความเชื่อส่วนตัวมาผสมผสานในการให้คำปรึกษา และหลายคนก็ถือโอกาสขายของ บวกกำไรเยอะๆ แล้วบอกว่าเป็นของทำพิธี
สำหรับหลักการดูฮวงจุ้ย ต้องการให้พลังเข้าบ้านมากๆ ในทิศทางที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นลม น้ำ แสง สี เสียง สนามแม่เหล็กโลก ความเคลื่อนไหว แรงกระตุ้น ให้เกิดความสมดุลของหยินหยาง แค่ย้ายเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ให้ไปอยู่ตรงกับทิศทาง เช่น โคมไฟสีทองๆ จะเหมาะกับทิศตะวันตก
“ไม่จำเป็นต้องทุบรื้อ และไม่ต้องใช้วัตถุมงคล และเมื่อจัดฮวงจุ้ยเสร็จแล้ว สถานที่ต้องสวยงามขึ้น โมเดิร์นทันสมัย ดูดีมีชีวิตชีวา มีพลังชีวิตเพิ่มขึ้น ไม่ใช่กลายเป็นศาลเจ้า”
การดูฮวงจุ้ย มีหลายปัจจัยต้องพิจารณา ทั้งชัยภูมิภายนอก ภายใน องศาทิศทาง ดวงชะตา และฤกษ์ยาม ผสานฟ้า-คน-ดิน ให้เป็นหนึ่งเดียว จึงจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีชะตาชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ส่วนคนที่อยากจะเอาความเชื่อ วัตถุมงคล หรือศาสนา มาเกี่ยวข้องในการจัดฮวงจุ้ย ก็สามารถประยุกต์ให้เข้ากับหลักของทิศทางและธาตุทั้ง 5 เช่น หน้าอาคารหันทิศตะวันตก เป็นธาตุทอง ก็เหมาะที่จะตั้งวัตถุมงคลที่เป็นสีทอง หรือเป็นโลหะแวววาว เหมือนกับสิงโตในรูป ก็ถือว่าเสริมพลังของทิศ ทำให้กระตุ้นพลังให้เฮงขึ้นได้จริง
แต่ถ้าเอาสิงสีทองไปตั้งทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นธาตุไม้ ก็จะกลายเป็นว่า ธาตุทองพิฆาตธาตุไม้ กลับจะส่งผลเสียในทางฮวงจุ้ย
ตี่ลี่ฮวงจุ้ย คืออะไรแน่ ไม่ใช่ชื่อศาสตร์ หรือเคล็ดวิชา
อ.มาศ อธิบายคำว่า “ตี่ลี่ ” แปลตรงตัว คือ พลังมงคลของสถานที่ เป็นศัพท์คำหนึ่งที่มีการใช้งานกันในวิชาโหราศาสตร์จีน แต่เอามาต่อกับคำว่าฮวงจุ้ย ก็จะกลายเป็น “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” เป็นเหมือนชื่อในการสร้างแบรนด์ คล้ายกับคำว่า “บ้านทรายทองการโยธา” ก็จะหมายถึง บริษัทก่อสร้างที่ชื่อ บ้านทรายทอง เพื่อให้จดจำง่ายและมีความหมายที่ดี
จึงไม่ใช่เป็นชื่อศาสตร์หรือเคล็ดวิชาในทางฮวงจุ้ยโบราณพันปีแต่อย่างใด เพราะวิชาฮวงจุ้ย ตามมาตรฐานของคัมภีร์โบราณ แบ่งเป็น 2 ระบบ 1. ซานหยวน (ซำง้วง ไตรภพ) และ 2. ซานเหอ (ซาฮะ ไตรภาคี) เท่านั้น
ตั้งสิงโตหินแล้วเฮง ทำไมราชวงศ์ชิงถึงล้ม เพราะไม่มีผล
การตั้งสิงโตหินในการจัดฮวงจุ้ย ไม่ต้องตั้งเพราะไม่ใช่อุปกรณ์ฮวงจุ้ย และไม่มีผลในทางฮวงจุ้ยใดๆ เป็นพวกความเชื่อที่ปะปนมา และเมืองจีนไม่มีสิงโต เป็นสัตว์แอฟริกา เพิ่งเอาเข้ามาสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้าย โดยฝรั่งที่มาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ บอกว่าเป็นเจ้าป่า เจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง จึงได้มีการแกะสลักสิงโตหิน เลียนแบบตัวจริง มาตั้งหน้าวัง
“ตัวใหญ่อลังการ คิดว่าจะเสริมฮวงจุ้ย ทำให้ยิ่งใหญ่ ช่วยปกป้อง แม้จะทำพิธีกรรม บวงสรวง เบิกเนตร สารพัด แต่ราชวงศ์ชิงก็ยังล่มสลายอย่างดี”
การจัดฮวงจุ้ยแนว อ.มาศ จะไม่มีการใช้วัตถุมงคล หรือพิธีกรรมไสยศาสตร์ใดๆ แต่เน้นกลไกพลังงานของธรรมชาติจริงๆ จัดแล้วดูโมเดิร์น ทันสมัย จะมินิมอล หรือลักซูรี ก็ไปด้วยกันได้ ไม่ดูขัดตา และฮวงจุ้ยแนว อ.มาศ ไม่ได้มองสิงโตหิน เป็นวัตถุมงคล แต่มองเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง เท่านั้น ใครที่มีตั้งอยู่แล้ว ไม่อยากทิ้ง ก็หาทางประยุกต์เอาไปตั้งทิศธาตุดิน ทิศที่ชอบให้มีหินก้อนใหญ่ๆ ก็ได้.