ธุรกิจสีเทาในไทย ปัญหาใหญ่ต้องแก้ เปิดคาสิโนเสรี ความเสี่ยงแก๊งฟอกเงิน

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจนอกกฎหมายในประเทศไทยยังคงมีขนาดใหญ่ โดยคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 50% ของ GDP ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการทำธุรกิจสีเทา เช่น ค้ายาเสพติด ค้าของเถื่อน และการเปิดบ่อนการพนันที่ผิดกฎหมาย

งานวิจัยปี 2543 พบว่าเศรษฐกิจนอกระบบ 6 ด้าน เช่น ค้ายาเสพติด ค้าอาวุธ และการพนัน มีมูลค่ารวมประมาณ 13% ของ GDP โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจนอกระบบเติบโตในประเทศกำลังพัฒนา คือ การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและการทุจริต

ข้อเสนอยุทธศาสตร์จัดการเศรษฐกิจนอกระบบ

  1. พัฒนาธุรกิจนอกระบบ: นำธุรกิจที่สังคมยอมรับเข้าสู่ระบบเพื่อจัดเก็บภาษีและสร้างอาชีพ
  2. บริหารความเสี่ยงและคุณภาพชีวิต: ปกป้องผู้เกี่ยวข้องในระบบนอกกฎหมาย และสร้างการมีส่วนร่วม
  3. ควบคุมผลกระทบทางสังคม: ปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายและป้องกันผลกระทบด้านลบต่อสังคม

การเปิดบ่อนถูกกฎหมาย: โอกาสหรือความเสี่ยง?

การเปิดคาสิโนในรูปแบบ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ อาจช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและภาษี โดยไทยอาจเก็บภาษีคาสิโนที่ 15-30% ซึ่งจะสร้างรายได้ให้รัฐราว 30,000-40,000 ล้านบาทต่อปี หากมีนักท่องเที่ยวใช้บริการ 30-50% ของจำนวนที่คาดการณ์

อย่างไรก็ตาม การเปิดคาสิโนต้องมีมาตรการเข้มงวดป้องกันการฟอกเงินและอาชญากรรม รวมถึงกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าใช้ เช่น รายได้ขั้นต่ำและอายุ ทั้งนี้ รายได้จากคาสิโนต้องนำไปใช้ในกิจกรรมที่โปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ
การจัดการเศรษฐกิจนอกระบบอย่างมีประสิทธิภาพต้องสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางสังคม รัฐควรมีระบบกำกับดูแลที่ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดผลกระทบด้านลบในระยะยาว