สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทวีความรุนแรงขึ้น มีความเสี่ยงจะเกิดสงครามนิวเคลียร์หรือไม่ ท่ามความกังวลของหลายฝ่ายทั่วโลก หลังยูเครน ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ที่ได้จากสหรัฐฯ จำนวน 6 ลูกยิงถล่มเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย เมื่อเวลา 03.25 น. วันที่ 19 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
การยิงขีปนาวุธพิสัยไกลของยูเครน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามยืดเยื้อมาตลอด 3 ปี พุ่งเป้าไปยังภูมิภาคไบรอานส์ (Bryansk) ทางตะวันตกของรัสเซีย หลังโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไฟเขียวทิ้งทวนก่อนหมดวาระ ให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตในสหรัฐฯ ไม่สนคำขู่ของรัสเซีย จะตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ หากถูกโจมตี
มีรายงานว่าขีปนาวุธพิสัยไกล จำนวน 6 ลูก ถูกรัสเซียยิงตก 5 ลูก และอีก 1 ลูกได้รับความเสียหาย เศษชิ้นส่วนได้กระจายตกลงมา ทำให้ไฟไหม้ฐานทัพแห่งหนึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครน-รัสเซีย ราว 100 กม. แต่สามารถควบคุมเพลิงได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บแต่อย่างใด
ขณะที่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ลงนามในกฤษฏีกาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ปรับเปลี่ยนหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ สามารถใช้ตอบโต้ในกรณีดินแดนของรัสเซีย ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธ โดรน หรือเครื่องบิน และการโจมตีจากประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากชาติที่มีอาวุธดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นภัยคุกคามในการโจมตีร่วมกันต่อรัสเซีย ซึ่งเข้าข่ายตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์
นั่นจะหมายถึงองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ นาโต หรือไม่ โดยเฉพาะสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ อนุมัติให้ยูเครน ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล เพื่อตอบโต้รัสเซียที่อนุญาตให้ทหารเกาหลีเหนือ มาร่วมสู้รบ เพื่อขับไล่กองทัพยูเครน ออกจากภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย และมีการประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือ มีประมาณ 11,000 นาย
ต้องติดตามหลังจากนี้ว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดน จะทำให้ในที่สุดแล้วอังกฤษและฝรั่งเศส อาจจะอนุญาตให้ยูเครน ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล Storm Shadow โจมตีรัสเซียหรือไม่ จนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ จุดเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 ทำให้ทั่วโลกหวาดผวา.