ใบสั่งจราจรรูปแบบเก่า ยังมีผลตามกฎหมาย ต้องเสียค่าปรับ เบี้ยวไม่ได้

กรณีเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาในคดีขอเพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องกำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ. 2563 และเรื่องการกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 อาจทำให้ผู้กระทำผิดกฎจราจรที่ได้ใบสั่งจราจรรูปแบบเก่า ไม่แน่ใจต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายหรือไม่

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ได้ชี้แจ้งว่า รูปแบบใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจร และการกำหนดอัตราค่าปรับในปัจจุบัน ยังคงมีผลใช้บังคับตามกฎหมายต่อไปเป็นระยะเวลา 180 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ดังนั้น ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจร เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถบนทางเท้า ขับรถย้อนศร ไม่สวมหมวกนิรภัย และข้อหาอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทาง พ.ศ.2522 และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจร

เมื่อถูกเจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งจราจรตามความผิดที่ปรากฏ ยังคงถือเป็นผู้กระทำผิดกฎจราจร และต้องรับโทษปรับเป็นพินัยตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย โดยปัจจุบันในการออกใบสั่งจราจรจะมีการระบุข้อความแจ้งสิทธิ ตามกฎหมายว่าด้วยการปรับพินัยให้ประชาชนทราบด้วยทุกครั้ง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการปรับปรุงรูปแบบใบสั่งและเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าปรับ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด รวมทั้งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย และจะประกาศใช้บังคับโดยเร็วตามกรอบระยะเวลาต่อไป”

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือ ผู้ที่ได้รับใบสั่งจราจรจากเจ้าหน้าที่ ให้รีบดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่แน่ใจว่าเคยขับขี่ยานยนต์ผิดกฎจราจรหรือไม่ สามารถเช็กใบสั่งจราจรออนไลน์ ได้ที่ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/