บั้งไฟพญานาค ปรากฏการณ์ลึกลับลำน้ำโขง ความศรัทธา ตำนาน ไม่เคยจางหาย

หลังวันออกพรรษาในเดือนตุลาคมของทุกปี มีปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” หรือในอดีตเรียกว่า ”บั้งไฟผี” มีลักษณะเป็นลูกไฟสีแดงอมชมพู ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีควันได้พุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขง ซึ่งชาวบ้านและคนท้องถิ่นหลายพื้นที่ในภาคอีสาน รวมถึงชาวลาว เชื่อว่าเป็นบั้งไฟของพญานาคสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานที่อาศัยอยู่ใต้แม่น้ำโขง ได้จุดบั้งไฟถวายพระพุทธเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์

ในปี 2567 การจัดงานบั้งไฟพญานาค ยังคงจัดกิจกรรมในจังหวัดหนองคายเป็นหลัก โดยจัดงานประเพณีออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 14 – 25 ต.ค. ในพื้นที่ 6 อำเภอริมโขง ได้แก่ อ.เมืองหนองคาย อ.ท่อบ่อ อ.โพนพิสัย อ.เมืองศรีเชียงใหม่ อ.สังคม และอ.รัตนวาปี โดยเฉพาะอ.โพนพิสัย เป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคที่โด่งดังที่สุด และจังหวัดอื่นๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง มีการจัดงาน เช่น จังหวัดบึงกาฬ และอุดรธานี ซึ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและความเชื่อที่ผูกพันกับพญานาค

เมื่อคืนวันออกพรรษา 17 ต.ค. ที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค เกิดขึ้นใน 2 อำเภอ จ.หนองคาย รวม 371 ลูก แยกเป็น อ.รัตนวาปี จำนวน 299 ลูก และ อ.โพนพิสัย จำนวน 72 ลูก ซึ่งมากกว่าปี 2566 มีบั้งไฟพญานาค เกิดขึ้นรวม 289 ลูก ในอ.รัตนวาปี  243 ลูก และ อ.โพนพิสัย 46 ลูก 

บั้งไฟพญานาคมีจริงหรือไม่? เรื่องถกเถียงกันไม่จบ

คำถามเรื่องบั้งไฟพญานาคมีจริงหรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ไม่จบสิ้น บางกลุ่มเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้เป็นฝีมือของมนุษย์ และนักวิทยาศาสตร์ออกมาระบุว่าบั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการปลดปล่อยแก๊สมีเทนใต้แม่น้ำโขง ซึ่งเมื่อเจอความร้อนจากบรรยากาศก็ลุกเป็นไฟ

แต่ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านและผู้ที่ศรัทธาในตำนานพญานาคตามความเชื่อโบราณ ยังคงยืนยันว่า บั้งไฟพญานาคเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากอำนาจของพญานาคที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง เป็นเครื่องหมายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่พญานาคถวายแด่พระพุทธเจ้า และถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมท้องถิ่น

ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร? บั้งไฟพญานาคยังเป็นความเชื่อที่ฝังแน่นในวิถีชีวิตของชาวอีสาน จากความศรัทธาในธรรมชาติ เทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ได้สร้างความประทับใจและความลึกลับให้กับผู้ที่ได้สัมผัสปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและปรากฏการณ์ที่มีเรื่องราวเล่าขานข้ามยุคสมัย จนมาถึงปัจจุบัน.