สายมูเตลู หรือการพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการขอคำปรึกษาจากหมอดู ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้คนเผชิญความไม่แน่นอนในชีวิต ทั้งด้านเศรษฐกิจ การงาน และความสัมพันธ์ ส่งผลให้คนหันไปหาที่พึ่งทางจิตใจและศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น
จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคสายมูในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2566-2567) พบว่าอัตราการเข้าหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และหมอดูเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยในปี 2568 คาดว่าตลาดสายมูจะมีการเติบโตสูงถึง 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยและมูลค่ารวมของตลาดสายมู
การใช้จ่ายในสายมูประกอบด้วยการบูชาวัตถุมงคล เช่น พระเครื่อง เครื่องราง สายสิญจน์ และการใช้บริการหมอดู ไม่ว่าจะเป็นดวงรายวัน ดวงรายปักษ์ หรือคำปรึกษาด้านต่างๆ เฉลี่ยคนไทยใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 2,500-3,000 บาท ต่อคน ในปี 2568 หากคิดรวมกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมสายมูประมาณ 30% ของประชากรไทย (ประมาณ 21 ล้านคน) ตลาดสายมูในปีนี้จะมีมูลค่ารวมสูงถึง 630,000 ล้านบ
ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในโลกยุคใหม่
- โซเชียลมีเดีย: การเข้าถึงข้อมูลสายมูง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น TikTok, Instagram และ Facebook
- เทคโนโลยี: การพัฒนาบริการหมอดูออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้ผู้คนปรึกษาหมอดูได้สะดวกและรวดเร็ว
- ความเชื่อใหม่: การปรับตัวของสายมูให้เข้ากับวิถีชีวิตยุคใหม่ เช่น การออกแบบเครื่องรางแฟชั่น หรือการจัดกิจกรรมขอพรแบบหมู่คณะ
เทรนด์สายมูในปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อและศรัทธาที่เติบโตขึ้นในยุคสมัยที่ผู้คนต้องการความมั่นคงทางจิตใจ ด้วยมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล สายมูกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น และคาดว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจับตาในอนาคต