เที่ยวพนัส เยือนวัดน้ำ ชมวัดโบสถ์ โบราณสถาน ร่องรอยพระเจ้าตาก ตั้งทัพกู้ชาติ

เที่ยววัด กราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหยุดยาวเทศกาลปีใหม่  “ดังรวยเฮง” ตะลอนไปทั่วอ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เมืองที่เต็มไปด้วยวัดเป็นจำนวนมาก ต้องอาศัยจีพีเอส ในการนำทาง พาไปถนนแคบๆ คดเคี้ยว ท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี จากที่วางแผนจะไปวัดโบสถ์ แต่เมื่อทางผ่านมองเห็นวัดอยู่ตรงหัวมุม แสนจะร่มรื่น มีศาลาทรงไทย ติดริมคลอง จึงแวะเข้าไปด้วยความบังเอิญ

เป็นที่มาของการเยี่ยมชมวัดอุทกเขปสีมาราม หรือ วัดน้ำ พื้นที่หมู่ 4 ต.วัดโบสถ์ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดโบสถ์ เนื่องจากอยู่ตำบลเดียวกัน และต้องบอกว่าสวยงามมาก มีการสอนนักธรรม ทั้งแผนกธรรมบาลี และมัธยมศึกษา เป็นสนามสอบธรรมศึกษาสนามหลวง ประจำจังหวัดชลบุรี และเป็นที่ตั้งของสถาบันพลังจิตตานุภาพ  สาขา 99 ในการเผยแพร่วิชาสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ที่ได้มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2563 สิริอายุ 100 ปี 11 เดือน 15 วัน พรรษา 80

วัดอุทกเขปสีมาราม ศิลปะไทย สมัย ร.5 ท่ามกลางธรรมชาติ

วัดอุทกเขปสีมาราม ชื่อเดิมวัดน้ำ ตามการเรียกของชาวบ้านในพื้นที่ สร้างขึ้นเมื่อปี 2436 แบบศิลปะไทย ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระชลโธปมคุณมุนี หรือเจ้าคุณเฒ่า ถือเป็นวัดคณะธรรมยุติกนิกายวัดแรกในพนัสนิคม  ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาอุโบสถหลังแรกในปี 2459 และทำพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2467

ต่อมามีการก่อสร้าง ศาลาไทย เรือนไทย ลานธรรม ศาลา และแพริมน้ำ คงความเป็นธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก เหมาะแก่การศึกษาและปฎิบัติธรรม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อุทกมรดกท้องถิ่น และเรือนรับรองกรมสมเด็จพระเทพฯ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน เมื่อวันที่  7 ก.ย. 2548 และภายในวัดมีคาเฟ่ชื่อ ”คอฟฟี่เมรุ” สำหรับบริการผู้มาเยือน จ่ายค่าเครื่องดื่มตามกำลังศรัทธา

ปัจจุบันพระชลญาณมุนี เจ้าคณะอำเภอเมืองชลบุรี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอุทกเขปสีมาราม มีการปรับปรุงพัฒนาวัด ทั้งด้านการศึกษาและถาวรวัตถุให้โดดเด่นสง่างามอย่างมากมาย บนเนื้อที่ 20 ไร่ 1 งาน  เหมาะสำหรับการมาทำบุญ ทำกิจกรรมทางพุทธศาสนา และปฏิบัติธรรม ท่ามกลางธรรมชาติ

วัดโบสถ์ อนุสรณ์กรุงแตก ครั้งที่ 2 พระเจ้าตาก ตั้งทัพกู้ชาติ

จากนั้น ”ดังรวยเฮง” มุ่งหน้าต่อไปยังวัดโบสถ์ ต.วัดโบสถ์ อ.พนัสนิคม อยู่ริมถนนสายพนัสนิคม-ฉะเชิงเทรา เส้นทางหมายเลข 315 วัดนี้เป็นอีกโบราณสถานทางพระพุทธศาสนา คาดกันว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย  ในช่วงพม่ายกทัพตีกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2310 ผู้คนจำนวนมากอพยพหนีตาย ไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่แห่งนี้ และเรียกชื่อว่าหมู่บ้านวัดโบสถ์ เพื่อระลึกถึงถิ่นที่เคยอยู่เดิมในกรุงศรีอยุธยา พร้อมกับร่วมแรงร่วมใจสร้างวัดโบสถ์ ขึ้นมา

วัดโบสถ์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี 2503 ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2545 ในอดีตเคยมีสระน้ำโบราณ ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าตากสิน มีการรวบรวมไพร่พลในพื้นที่นี้ เพื่อกอบกู้เอกราช หลังกรุงศรีอยุธยาแตก และในเวลาต่อมาพม่า ได้ยกทัพมาเผาอุโบสถ ปล้นเอาทองบริเวณฐานหินหน้าอุโบสถ

ปัจจุบันอุโบสถหลังเก่า เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อโต องค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนหลวงพ่อโต องค์เดิม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานอยู่ที่อุโบสถหลังใหม่ ภายในวัดยังมีภาพจิตรกรรมบนผนังศาลาไม้เก่าแก่อายุร้อยกว่าปี ส่วนสระน้ำโบราณ ถูกถมไม่เหลือร่องรอยแล้ว และยังมีถ้ำวัดโบสถ์ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม

นอกจากนี้ยังมีประเพณีตักบาตรขนมครก เป็นหนึ่งเดียวของภาคตะวันออก เป็นที่สองของประเทศ รองจากจ.สมุทรสาคร ซึ่งประเพณีตักบาตรขนมครกของวัดโบสถ์ สืบทอดกันมากว่า 100 ปี จัดขึ้นปีละครั้งในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.ย.

ใครมาท่องเที่ยวอ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ไม่ควรพลาดในการทำบุญ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคล และเยี่ยมชมความสวยงามของวัดอุทกเขปสีมาราม ก่อนเดินทางไปต่อวัดโบสถ์ โบราณสถานสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นสถานที่รวบรวมกำลังพล เสบียงอาหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน เพื่อกอบกู้เอกราชดินแดนสยามจากพม่า.

วัดหน้าพระธาตุ​ ตำนานกรุพระร่วงยืน ขอพรหลวงพ่อผุย เกจิจอมขมังเวทย์