สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในปี 2568 ของประเทศไทยเริ่มสร้างความกังวลให้กับหน่วยงานสาธารณสุขและประชาชน การระบาดมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น อาจมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 1 ล้านรายต่อปี จากหลายปัจจัยซ่อนเร้น ตั้งแต่ปัญหาระบบรายงานผู้ติดเชื้อที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากผู้มีอาการเล็กน้อยนิยมรักษาตัวเองหรือใช้บริการคลินิกเอกชน ส่งผลให้การประเมินความรุนแรงของโรคผิดพลาด รวมถึงการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่ไม่เท่าเทียม และกลุ่มวัยทำงานมักหลีกเลี่ยงการลาป่วย เนื่องจากกังวลเรื่องการหักเงินเดือน ทำให้มีการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มมากขึ้น
8 ปัจจัยซ่อนเร้น ส่งผลให้ไข้หวัดใหญ่ระบาดรุนแรง
ปัจจัยซ่อนเร้นหลายประการ ต้องได้รับการวิเคราะห์เชิงลึกและแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจัดลำดับความสำคัญจากผลกระทบสูงสุด จากข้อเสนอของศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
- ระบบรายงานไม่สมบูรณ์ – ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยมักไม่ไปพบแพทย์ ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่รายงาน
- การเข้าถึงทรัพยากรไม่เท่าเทียม – โรงพยาบาลขนาดใหญ่มีเครื่องช่วยหายใจและบุคลากรทางการแพทย์มากกว่าโรงพยาบาลชุมชนหลายเท่า
- การแพร่เชื้อในเรือนจำ – ความแออัดทำให้อัตราการติดเชื้อสูงกว่าชุมชนทั่วไป 3 เท่า
- ภูมิคุ้มกันขาดช่วงในเด็กปฐมวัย – เด็กที่เกิดช่วงโควิด-19 มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสไข้หวัดใหญ่น้อยกว่าปกติ
- ความเสี่ยงจากสัตว์ปีก – ประเทศเพื่อนบ้านพบการระบาดของไข้หวัดนก (H5N1) เพิ่มขึ้น ทำให้ไทยมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อข้ามสายพันธุ์
- วัฒนธรรมการทำงานขณะป่วย – พนักงานที่ป่วยยังคงเดินทางไปทำงานเนื่องจากกังวลเรื่องรายได้ ทำให้อัตราการแพร่เชื้อสูงขึ้น
- ข้อจำกัดในการวินิจฉัย – อาการของไข้หวัดใหญ่คล้ายกับโรคอื่น เช่น RSV และ hMPV ทำให้เกิดความผิดพลาดในการแยกโรค
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ – การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ทำให้ไทยสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.3 พันล้านบาทต่อปี
แนวทางรับมือไข้หวัดใหญ่ และข้อเสนอจากผู้เชี่ยวชาญ
รศ.นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ประธานมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน เสนอให้รัฐบาลขยายบริการฉีดวัคซีนฟรีแก่ผู้สูงอายุและเด็กเพิ่มเติม พร้อมจัดจุดบริการแบบ Drive-Thru ในพื้นที่เสี่ยง ส่วน ศ.พญ.ศศิโสภิณ เกียรติบูรณากุล จากคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี เน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมวัคซีนสูตรเข้มข้นในผู้สูงอายุ และการรณรงค์วัฒนธรรม “หยุดงานเมื่อป่วย” เพื่อตัดวงจรการแพร่เชื้อในที่ทำงาน
- เพิ่มอัตราการฉีดวัคซีน – แนะนำให้ผู้สูงอายุและเด็กเล็กฉีดวัคซีนสูตรเข้มข้น เพื่อลดความรุนแรงของโรค
- จัดระบบรายงานผู้ติดเชื้อแบบเรียลไทม์ – เพื่อลดความผิดพลาดและประเมินสถานการณ์ได้แม่นยำ
- สร้างวัฒนธรรมการหยุดงานเมื่อป่วย – ลดการแพร่ระบาดในที่ทำงานและสถานศึกษา
- กระจายวัคซีนและทรัพยากรทางการแพทย์ให้ทั่วถึง – เพิ่มจุดฉีดวัคซีน Drive-Thru และให้บริการในพื้นที่ห่างไกล
ไข้หวัดใหญ่ในปี 2568 ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม แม้ว่าจะเป็นโรคที่พบได้ทั่วไป แต่ผลกระทบต่อสาธารณสุขและเศรษฐกิจมีมากกว่าที่คาดคิด การรับมือที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อควบคุมการระบาดก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามจนยากต่อการควบคุม.