รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัลฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เตือนว่าการกลับลำขึ้น-ลงภาษีศุลกากรของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความไม่แน่นอนต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก โดยเฉพาะสงครามภาษีระหว่าง “สหรัฐ-จีน” ที่ผลักดันภาษีนำเข้าสูงทะลุ 100% ทั้งสองฝ่าย โดยสหรัฐเก็บภาษีสินค้าจีนสูงถึง 104% ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยภาษีสูงถึง 125%
ผลกระทบโดยตรง ทำให้มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศลดฮวบ และส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะฉุดจีดีพีโลกโตต่ำกว่า 3% ในปีนี้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ครึ่งปีหลังอาจดิ่งต่ำกว่า 2% เสี่ยงต่อเงินเฟ้อเร่งตัวในหลายประเทศ ฉุดกำลังซื้อ-แรงงาน และภาคการผลิตทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ตลาดการเงินโลกผันผวนอย่างหนัก หุ้นสหรัฐฯ และหุ้นทั่วโลกแกว่งตัวแรง หลังมีข่าวเลื่อนปรับขึ้นภาษีอีก 90 วัน ซึ่งนักวิเคราะห์และนักการเมืองสหรัฐฯ โดยเฉพาะวุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน เรียกร้องให้ ก.ล.ต.สหรัฐ ตรวจสอบกรณีมีความพยายาม “ใช้ข้อมูลวงใน” (Insider Trading) เพื่อเก็งกำไรจากความปั่นป่วนของตลาดหุ้น ที่เกิดจากการเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลทรัมป์
รศ.ดร.อนุสรณ์ ยังเตือนถึงความเสี่ยงที่ธนาคารกลางจีน อาจตอบโต้โดยเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งจะซ้ำเติมดอลลาร์ให้อ่อนค่า และกดดันตลาดการเงินเข้าสู่ภาวะ “US Dollar Squeeze” ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 4.58% จาก 4.01% ภายในสัปดาห์เดียว เป็นผลจากแรงเทขายเพื่อถือเงินสดหนีความเสี่ยง
ทั้งนี้ ระบบการเงินโลกยังเผชิญแรงกดดันจากการเปลี่ยนผ่านระหว่าง “Fiat Money” กับ “เงินดิจิทัล” (Cryptocurrency) ที่ท้าทายบทบาทของธนาคารกลางและเงินสกุลหลัก หากแนวโน้มผู้คนหันไปใช้สินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่ออธิปไตยทางการเงินของประเทศต่างๆ
รศ.ดร.อนุสรณ์ แนะนักลงทุนระวังความผันผวนช่วง 3 เดือนข้างหน้า ชูถือเงินสดสำรอง รอจังหวะเข้าลงทุนเมื่อราคาสินทรัพย์ต่ำกว่าพื้นฐาน ชี้เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วง “สุ่มเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย” จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจที่ยังไม่จบ.